วันจันทร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

Unbox : Wiko Ridge บาง เบา กับของใหม่จากค่ายฝรั่งเศส

สวัสดีทุกคนที่หลงเข้ามาอ่านครับ
รอบนี้เป็นคิวของ Wiko Ridge จาก Wiko ค่ายน้องใหม่จากฝรั่งเศสที่มาตีตลาดบ้านเราครับ โดย Wiko Ridge ตัวนี้ จริงๆ เป็นของคนใกล้ตัวที่ผมแอบขอมารีวิวครับ ก็เลยมีเวลากับมันน้อยมาก (1 วันเต็มเท่านั้น) เท่าที่ลองใช้ดู เจ้าตัวนี้ทั้งสวย ทั้งเก่งเลยล่ะครับ
เอ่อ... โม้มากไปนิด ขออภัยครับ



จุดที่น่าสนใจ

  • Wiko Ridge เปิดตัวครั้งแรกในงาน Thailand Mobile Expo 2015(ก.พ.) ในราคา 4,990.-
  • สเปคหลักๆ ที่เป็นที่สนใจ คือจอ 5" 720p  CPU Octa-core และ RAM 2GB
  • มีรุ่นฝาแฝดอีกรุ่นคือ Wiko Ridge Fab 4G ที่แพงกว่า แต่สเปคสูงกว่านิดหน่อย
  • Wiko เคลมว่า หากเครื่องเสียโดยเกิดจากกระบวนการผลิต เปลี่ยนเครื่องทันทีไม่ต้องรอซ่อม !
แบรนด์ Wiko น่าสนขึ้นมาทันทีก็ตรงข้อสุดท้ายนี่ล่ะครับ ซึ่ง Wiko ก็ไม่ใช่แบรนด์ไก่กาอะไร เพราะ Wiko ได้ชื่อว่าเป็นเบอร์ 1 ในฝรั่งเศสบ้านตัวเอง ก็ดูจะมีภาษีขึ้นมาอีกหน่อย แต่จะดีสำหรับคนไทยหรือไม่ ก็คงต้องให้เวลาพิสูจน์นะครับ

มาดูหน้าตาตัวเครื่องกันดีกว่าครับ

ด้านหน้า มีลำโพงสนทนา  ไฟแจ้งเตือน  กล้องหน้า  พร้อมจอขนาด 5"

ด้านหลัง มีกล้องหลัง ไฟ LED และลำโพงที่ด้านล่าง

ด้านซ้าย ไม่มีปุ่มใดๆ

ด้านขวา มีปุ่ม Power และปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง

แกะฝาหลังออกมา จะพบแบตเตอรี่ 2,400mAh(ถอดเปลี่ยนไม่ได้)
ช่องใส่ซิมขนาด microSIM สองช่อง และช่องใส่ microSD


 เครื่องที่ผมได้มาเป็นเครื่องสีดำ ขอบฟ้าครับ(จริงๆ อยากได้ขอบส้ม แต่ของหมด) นอกจาก 2 สีข้างต้นแล้ว รุ่นนี้ยังมีสีดำล้วน และขาวล้วนด้วยครับ

วัสดุของ Wiko Ridge ทำออกมาแบบจับแล้วรู้สึกดีครับ โดยเฉพาะฝาหลังที่เป็นลายพ่นทรายนี่แบบ...ไม่อยากใส่เคสเลยจริง ถูเล่นแล้วสากๆ มือดี

ถัดมาเป็นอุปกรณ์อื่นๆ ในเครื่อง

เรียกว่ามีครบครับ ตั้งแต่แท่นชาร์ต  สาย USB  หูฟัง
แถม Wiko ยังให้จุกยางหูฟังมาสำรองอีก 1 คู่ และตัวแปลงขนาดซิมอีก 2 ชิ้นด้วย เอาใจใส่ลูกค้าจริงๆ
อ้อ! อย่าลืมคู่มือครับ อ่านสักรอบก็ดีนะ


สิ่งที่ไม่พูดก็คงไม่ได้ คือเรื่องของเคสและฟิล์ม อย่างที่เราเข้าใจกันว่าแบรนด์ใหม่ๆ มักมีปัญหาเรื่องเคสกับฟิล์มที่หาซื้อไม่ค่อยได้ แต่มือถือ Wiko มีเคสและฟิล์มกันรอยแบบใสมาให้ในกล่องครับ (ใครไม่ได้ 2 อย่างนี้ ไปไล่บี้เซลล์นะครับ เพราะมันเก็บไว้ในกล่องเลย)

เคสแถมนี่ ใส่แล้วมันคือเคสแถมจริงๆ เป็นพลาสติกบางๆ ลื่นๆ เอาเป็นว่าถ้าไม่ถูกใจ ก็ใส่แก้ขัดรอเคสใหม่ๆ ออกมาละกัน
แต่เอาเถอะ... เครื่องสวย อภัยให้

ดูไปดูมา รู้สึกว่ามือถือเครื่องนี้มันบางเบากว่าที่คิดไว้ พอลองมาดูสเปค

  • ขนาดตัวเครื่อง 143 x 72.15 x 7.5mm
  • น้ำหนัก 125g
ก็ว่าแล้ว... ทำไมถือแล้วมันเบาๆ (เจ้าของบล็อคชินกับมือถือ 5" ที่หนักกว่านี้ครับ) สำหรับ Wiko Ridge นี่ จับถือแล้วพอดีๆ มือผมเลย ความบางกับน้ำหนักที่เหลือเชื่อ(เมื่อเทียบกับราคา) ได้ใจผมไปเต็มๆ

สำหรับรีวิวตัวเต็ม รออีกหน่อยนะครับ ครั้งนี้คิดว่าไม่นาน เพราะไม่ค่อยมีอะไรให้เขียน (มีเวลายืมเครื่องน้อยไปหน่อย)

สำหรับรีวิวตัวเต็ม ขออภัยทุกคนด้วยครับ ภาพทั้งหมดที่เตรียมเขียนรีวิวหายเกลี้ยงเลย ขอยกเลิกการเขียนรีวิว Wiko Ridge ไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ

แต่ที่รู้ๆ ตอนนี้ผมลืมหน้า Zen5 ไปเรียบร้อยแล้วครับ

วันพุธที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

Review : Doogee DG800 Valencia

สวัสดีครับ อู้ไปหลายเดือนจากกระทู้ Unbox : Doogee DG800 Valencia ตอนนี้ว่างมาเขียนรีวิวแล้วครับ

ก่อนอื่น พักชม DG800 + Flipcase ที่ผมซื้อคู่กันก่อน

ออกตัวก่อนว่า รีวิวของผมเป็นแบบ User review นะครับ บอกเล่าการใช้งาน ไม่เน้นวิชาการอะไรมาก จะพยายามขุดวิชาการเท่าที่คิดออกนะครับ

ด้านล่างนี้คือสเปคของ DG800 เครื่องนี้ครับ

  • จอ IPS 4.5" ความละเอียด 960 x 540 (244ppi)
  • OS Android 4.4.2
  • รองรับ 2 ซิม แบบ Dual Standby
  • 3G 850/2100MHz ใช้ได้ทั้ง 2 ซิม แต่เลือกใช้ได้ทีละซิม
  • CPU MediaTek MT6582 Quad-core 1.3GHz
  • GPU Mali-400MP
  • ROM 8GB และรองรับ microSD สูงสุด 64GB
  • RAM 1GB
  • กล้องหน้า 8MP  กล้องหลัง 13MP + แฟลช
  • ขนาดตัวเครื่อง 135.2 x 66.9 x 8.2mm
  • น้ำหนัก 110g
  • แบตเตอรี่ 2,000mAh
  • รองรับ USB OTG
ถ้าสเปคตรงนี้ยังไม่ละเอียดพอ ลองดูที่ เว็บไซต์ผู้ผลิต นะครับ


มาดู UI ของเจ้านี่กัน

    




UI ของ Doogee DG800 ทำออกมาแนวๆ Pure Google ครับ คือฟีเจอร์ถอดมาจากต้นฉบับเลย แล้วมาปรับเปลี่ยนหน้าตาเอา ผมว่าออกมาสวยแบบสะอาดตาดี

แต่... เห็นปุ่มอะไรที่หน้าจอมั้ยครับ

ปุ่มสีเงินๆ ที่คล้ายๆ ปุ่มของค่ายอะไรซักอย่างนี่เป็นฟีเจอร์หลักอย่างหนึ่งของรุ่นนี้ครับ(ไม่รู้ว่ารุ่นอื่นมีรึเปล่า) เรียกว่า Recognize gesture ครับ
ว่ากันง่ายๆ คือมันเอาไว้เป็นทางลัดในการเปิดแอปโดยวาดรูปที่เราตั้งค่าไว้ แล้วตัวเครื่องจะเปิดแอปให้ ตัวอย่างนี้ผมวาดตัว C เพื่อเปิดกล้อง ประมาณนี้ครับ



อีกฟีเจอร์หนึ่งที่ไม่ค่อยมีใครใส่มาให้ คือ Back Panel ด้านหลังเครื่องครับ
ฟีเจอร์ตรงนี้เหมือนกับทัชแพตบนโน๊ตบุ๊คครับ คือเราสามารถรูดมันเพื่อเลื่อนหน้าเว็บได้ (เหมือน Oppo N1) แต่ด้วยความที่ DG800 เครื่องไม่ใหญ่มาก บางทีผมก็รู้สึกว่ามันไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไร(ยังรูดบนจอด้วยมือเดียวไหว ไม่ต้องหาตัวช่วย)
แต่ที่เด็ดคือแตะ 2 ครั้งเพื่อเปิดกล้อง กับแตะเพื่อถ่ายรูปได้นี่ล่ะครับ ตอน Selfie รู้สึกว่าสบายขึ้นมาก!
สรุปว่า Doogee คงอยากให้เราเอาไว้ Selfie มากกว่ามั้งครับ


ต่อมา เรามาลองทดสอบเครื่องกัน

Benchmark


MultitouchTester วัดได้ 2 จุดตามสเปค ตรงนี้ผมอยากได้สัก 5 จุดมากกว่า เผื่อไว้หน่อยก็ดีเวลาเล่นเกม
แต่ 2 จุดก็ใช้งานทั่วไปได้ครับ การใช้งานทั่วไปไม่มีปัญหา ยังถ่างเข้าถ่างออกได้ปกติ
มันจะมีปัญหาตอนที่เราใช้ Gesture สั่งการบน Launcher หลายๆ ตัว เช่น ใช้ 2 นิ้วรูดแถบแจ้งเตือนลงมาอะไรแบบนี้ มันจะรูดไม่ค่อยติดครับ


Antutu ได้ประมาณ 18,000 คะแนน สำหรับผมคะแนนเท่านี้ก็เพียงพอต่อการใช้งานทั่วๆ ไปแล้วครับ


ROM 8GB แบ่งเป็นพื้นที่ลงแอป 3.36GB กับพื้นที่เก็บข้อมูลอื่นๆ 2.76GB ที่เหลือเป็นของ OS
ส่วนของพื้นที่ลงแอป 3GB พอสำหรับการใช้งานครับ(ถ้าไม่เล่นเกม HD) แต่ฝั่งพื้นที่เก็บไฟล์ ด้วยความจุเท่านี้ แนะนำให้ซื้อ microSD มาเก็บไฟล์เพิ่มครับ ไอ้ 2GB กว่าๆ นี่ใช้ได้ไม่นานคงเต็มแน่ๆ

ส่วน RAM 1GB พอสำหรับใช้งานทั่วไปครับ แต่ถ้าเล่นเกมหนักๆ ผมว่าหาพวก ROM 16GB + RAM 2GB ขึ้นไปดีกว่า สบายกว่าในระยะยาวครับ


สำหรับเซ็นเซอร์ในเครื่อง ดูตามภาพเลยครับ ก็ถือว่าให้มาตามปกติ ไม่มีแอบตัดอะไรออกไป


กล้อง

เดี๋ยวนี้กล้อง กลายเป็นข้อสังเกตุหลักของการซื้อมือถือไปซะแล้ว ซึ่ง DG800 ก็ทำได้ดีครับ(ดีในราคาระดับนี้)
กล้องหลังความละเอียด 13MP พร้อมแฟลชและ Auto Focus มีโหมด HDR , Panorama , Beauty ความชัดอยู่ในระดับที่ค่อนข้างดี
แต่จุดขายของ DG800 เป็นกล้องหน้าครับ ความละเอียด 8MP มี AF และกว้างถึง 88 องศา เรียกว่าราคาระดับนี้หากล้องหน้ากว้างระดับนี้ยากแล้วครับ
อ้อ! DG800 มีโหมดหน้าเนียนมาให้ด้วย โดยจะทำหน้าเรียว ตาโต และรบริ้วรอยได้ และปรับตั้งค่าได้ 3 ระดับครับ

ภาพจากกล้องหลัง




ถ่ายมด

อุ้งเท้าแมว

ถ่ายใกล้ๆ ก็ยังพอละลายหลังบ้าง

ถ่ายอาหาร(กลางคืน)

Panorama


ถ่ายคน


ย้อนแสง เปิด HDR



ซ้าย : ภาพถ่ายธรรมดา   ขวา : โหมด HDR

ภาพจากกล้องหน้า


ซ้าย : ถ่ายแบบธรรมดา   ขวา : โหมด Beauty ของเครื่อง

จากที่ผมสังเกตุ เหมือนกล้องหน้ากว้างกว่ากล้องหลังด้วยนะครับ
ซ้าย : กล้องหน้า   ขวา : กล้องหลัง

แต่เท่าที่ดู DG800 มีปัญหาเรื่องกล้องแดงครับ(แดงเป็นวงๆ ตรงกลางภาพ) แดงทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง แถมแดงตั้งแต่แกะกล่อง และเหมือนเครื่องที่รีวิวจากแหล่งอื่นก็แดงเหมือนกันครับ


แบตเตอรี่

แบตเตอรี่ขนาด 2,000mAh สำหรับคนใช้งานไม่หนักก็อยู่ได้เต็มวันครับ(บางทีผมอยู่ได้ 2 วัน) แต่ถ้าติดโซเชียล ต้องเปิด 3G และเปิดเช็คทั้งวัน จะอยู่ได้ประมาณ 6-7 ชม. ครับ

ฟีเจอร์อื่นๆ

USB OTG

เป็นฟีเจอร์ที่มีประโยชน์มากครับ เพราะเราจะใช้พอร์ต microUSB เสียบเมาส์ คีย์บอร์ด แฟรชไดรว์ จอย หรืออะไรก็ตามที่เราอยากจะเสียบมันครับ

OTA


แบรนด์ Doogee ก็มีการอัพเดตแบบ OTA(Over-The-Air) นะครับ โดยสามารถเข้ามาเช็คได้ว่ามีอัพเดตอะไรบ้างรึเปล่า แต่เหมือน OTA จะสิ้นสุดที่เวอร์ชั่น 2014_07_22 ครับ
*Update : กล้องแดงถูกแก้ไขแล้วด้วย Firmware ตัวใหม่ แต่ต้องแฟลชเองเท่านั้น Firmware ตัวนั้นทาง Doogee ไม่ได้เอาขึ้น OTA ครับ


สรุปการใช้งาน

ข้อดี

  • ตัวเครื่องบาง เบา เล็กพอดีมือคนมือเล็ก โดยเฉพาะผู้หญิง
  • CPU MT6582 แรงพอที่จะเล่นเกมทั่วๆ ไปได้สบาย
  • กล้องหน้ากว้าง 88 องศา ความละเอียด 8MP ซึ่งมือถือราคาเท่านี้ไม่ค่อยให้มา
  • Back Panel ด้านหลัง ทำให้ Selfie ทำได้ง่ายขึ้น
  • ได้ฝาหลังแถมมาอีกอัน (ผมใช้แต่ฝาแถมสีส้ม ของเดิมเก็บใส่กล่องยาวๆ)

ข้อเสีย

  • แบต 2,000mAh สำหรับคนใช้มือถือหนักๆ เตรียม Power Bank ไว้ได้เลย
  • Multitouch 2 จุด หงุดหงิดบ้างเวลาเล่นเกมที่ต้องทัชหลายจุดพร้อมกัน
  • ระบบ Recognize gesture ถ้าเราวาดตัวอย่างที่มันยากๆ ไว้ จะติดยากไปหน่อย (เช่น ตัว R)
  • จำเป็นต้องใส่ microSD เพิ่ม เพราะพื้นที่เก็บไฟล์แค่ 2GB กว่าๆ ไม่พอแน่นอน
Doogee DG800 นับตั้งแต่วันที่เจอกัน เราอยู่ด้วยกันมา 4-5 เดือนแล้วครับ(ดองรีวิวไว้นานจัด) สำหรับจุดเด่นของรุ่นนี้ก็คงหนีไม่พ้นกล้องหน้า ที่กว้าง 88 องศา+โหมดหน้าเนียน ซึ่งก็คงถูกใจสาวๆ ไม่น้อย
ส่วนกล้องหลัง เหมือนจะมีปัญหากับการถ่ายวิวนิดหน่อย(ดูในมือถือชัดดี แต่บน PC เริ่มเห็นว่าไม่ชัดหน่อยๆ) แต่ถ้าถ่ายอาหารหรืออะไรใกล้ๆ ผมว่าเป็นมือถือที่น่าใช้เอาเรื่องครับ
ถึงนี่จะเป็นครั้งแรกที่ผมใช้มือถือที่ไม่มีศูนย์ไทย แต่ก็สบายใจครับ เพราะมันไม่เคยเอ๋อเลย
และแบรนด์นี้นอกจากตัวเครื่องแล้ว พวกฟิล์มตรงรุ่น หรือแบตเตอรี่ก็มีขายนะครับ(แต่ต้องหาแหล่งเอง) เกิดต้องการฟิล์มหรือแบตก้อนใหม่ก็ยังมีให้ซื้อ ไม่เหมือนแบรนด์จีนหลายๆ เจ้าที่ไม่มีให้
ถามว่าคุ้มมั้ยกับราคา 4-5 พัน ผมบอกเลยว่า คุ้มครับ

สำหรับ Review : Doogee DG800 ก็จบเพียงเท่านี้ ไว้มีอะไรใหม่ๆ จะเอามาเขียนให้อ่านกันอีกนะครับ ^_^

Update : Doogee DG800 อัพเดตเป็น Android 5.0 Lolipop ได้แล้ววันนี้ !